ข่าวประชาสัมพันธ์
การเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพจากภาวะหมอกควันและไฟป่า
- 31 มีนาคม 2557
- อ่าน 1,156 ครั้ง
การดูแลสุขภาพเนื่องจากควันไฟป่า
ควันไฟป่าและหมอกควันจากไฟป่า
ประกอบด้วยอะไร
ควันไฟป่าเกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์จึงมีเขม่าควันและก๊าซพิษต่างๆ
เช่น ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ ก๊าซไฮโดรเจนซัลไซด์
ก๊าซระเหยจากสารกลุ่มไฮโดรคาร์บอนต่างๆ ฯลฯ รวมทั้งฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมโครเมตร ที่เรียกว่า พีเอ็มเท็น(PM10) ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กพอที่จะเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของคนได้
ฝุ่นละอองเหล่านี้จึงมีทั้งที่เป็นเขม่าควันธรรมดาหรืออาจ
รวมตัวเป็นเขม่าควันที่มีสารประกอบจากสารเคมีอันตรายบางชนิดปนเปื้อนได้
ควันไฟป่าและหมอกควันจากไฟป่า
มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร ?
- ฝุ่นละอองของคาร์บอนจะมีผลระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ อันได้แก่ จมูก คอ
หลอดลมและปอด ถ้าฝุ่นละออง ขนาดเล็กกว่า 10 ไมโครเมตร
จะสามารถเข้าสู่ปอดได้ และมีผลทำให้ปอดอักเสบ
- ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์
มีผลทำให้ขาดออกซิเจน
- สารไดออกซิน
ก๊าซจากสารอินทรีย์ระเหย และก๊าซโอโซน
มีผลทำให้ระคายเคืองทางเดินหายใจและทำให้ปอดอักเสบ
และอาจทำให้เกิดมะเร็งได้ถ้าได้รับสารนี้นานๆหลายปี
- ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์
จะมีผลระคายเคือง ทางเดินหายใจ ทำลายเนื้อเยื่อปอด
อาจทำให้ปอดบวมน้ำได้และเมื่อผสมกับน้ำในร่างกายจะมีฤทธิ์เป็นกรด อย่างไรก็ตาม
หากควันไฟและหมอกควันดังกล่าว ลอยมาจากที่ไกล ฝุ่นละอองเขม่าควัน
เถ้าลอยและก๊าซพิษก็จะเจือจาง เพราะเป็นกระแสลมพัด
อาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น
เป็นอย่างไร ?
- แสบตา ตาแดง
- มีน้ำลายไหล น้ำมูกไหล
- เจ็บคอ คออักเสบ
- ไอ หายใจลำบาก
- ในผู้ที่เป็นโรคหอบหืด
โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจ อาจมีอาการกำเริบได้
- ปวดศีรษะ คลื่นไส้
อาเจียน
ใครคือกลุ่มเสี่ยง
ต่อผลกระทบต่อสุขภาพเนื่องจากควันไฟและหมอกควันไฟป่าที่ต้องดูแลสุขภาพมากเป็นพิเศษ ?
กลุ่มเด็ก
สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจและโรคปอด โรคภูมิแพ้
โรคหัวใจและผู้ที่ทำงานที่เสี่ยงต่อการได้รับฝุ่นละอองและหมอกควันอยู่แล้ว เช่น
คนงานในโรงงานโม่หิน คนงานก่อสร้าง ที่อยู่ในบริเวณที่มีควันและหมอกควันจากไฟป่า
ประชาชนจะดูแลป้องกันสุขภาพตนเองได้อย่างไร?
1. ถ้าอยู่ในบริเวณที่มีควันไฟและหมอกควันให้ใช้หน้ากากอนามัยหรือผ้าที่ทำด้วยฝ้ายหรือลินินพันหลายทบมาคาดปากและ
จมูกป้องกันควันไฟ และอาจพรมน้ำที่ผ้าดังกล่าวหมาดๆ เพื่อซับกรองก๊าซได้มากขึ้น
2. ผ้าที่ใช้คาดปากและจมูก และ/หรือหน้ากากป้องกันที่ใช้นั้น ถ้าสกปรกหรือเริ่มรู้สึกอึดอัด
หายใจไม่สะดวก ซึ่งอาจเนื่องจากเขม่าควันเกาะติดอยู่จำนวนมากควรเปลี่ยนใหม่
3. บริเวณที่อยู่อาศัยที่ไม่มีระบบระบายอากาศ ระบบปรับอากาศ
ต้องปิดประตูหน้าต่างไม่ให้ควัน เข้ามาในอาคาร และ พยายามไล่ควันออกจากบ้านเรือน
เช่น เป่าพัดลมในทางเดียวให้ควัน ดังกล่าวออกจากบ้านเรือนสู่ภายนอก
4. ในห้องเรียน ศูนย์เลี้ยงเด็ก สถานพยาบาล ศูนย์การค้า
หรืออาคารขนาดใหญ่ที่ต้องมีที่กรอง
อากาศจากภายนอกอาคารเข้าสู่ในอาคารมีการเปลี่ยน/ล้างระบบกรองอากาศเป็นประจำ
5. ไม่เผาสิ่งใดที่เป็นการเพิ่มหมอกควันมากยิ่งขึ้น
6. คอยดูแลผู้ที่อยู่ในบ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็ก ผู้สูงอายุ
ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด โรคหัวใจ ผู้พิการ และ/หรือผู้ที่ไม่สามารถ ช่วยตัวเองได้
โดยพาออกจากที่ที่มีหมอกควันมากหาก มีอาการผิดปกติให้นำส่งแพทย์
7. คอยฟังข่าวเตือนภัย เพื่อดูและป้องกันตนเองให้ห่างจากสถานที่ที่มีภัยจากหมอกควัน
ดังกล่าว
8. ถ้ามีอาการผิดปกติในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ มีไข้สูง,ไอ,เจ็บอก ให้รีบพบแพทย์เพื่อ ทำการรักษา
ค่ามาตรฐานสำหรับ PM 10
ค่าปกติ
< 120 ไมโครกรัม ต่อ ลบ.ม.
มีผลกระทบต่อสุขภาพกลุ่มเสี่ยง
120-130 ไมโครกรัม ต่อ ลบ.ม.
กระทบบุคคลทั่วไป
>300 ไมโครกรัม ต่อ ลบ.ม.